การจัดการวัสดุและการผลิต
การจัดการวัสดุและการผลิต
ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี
''JIT มีเป้าหมายที่จะตอบสนองอุปสงค์ในทันที ด้วยคุณภาพที่สมบูรณ์ และปราศจากความสูญเปล่า''
แนวทางนี้ถูกสร้างขึ้นในประเทสญี่ปุ่นโดยบริษัท Toyota ในทศวรรษ 1970 ในช่วงแรกๆ แนวทางนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ 'ระบบการผลิตแบบโตโยต้า' (Toyota production System : TPS) หรือ 'ความเป็นโตโยต้า' ชื่อเรียกว่า 'ทันเวลาพอดี' ( Jusy-in-time : JIT ) เป็นชื่อที่นำมาใช้กันภายหลัง
แนวคิดหลังแนวคิดหนึ่งในระบบนี้ คือ การกำจัดความสูญเปล่า (Muda หรือ 'มูดะ' ในภาษาญี่ปุ่น) ออกจากกระบวนการผลิต ในบริบทนี้ 'ความสูญเปล่า' (Waste) ไม่ใช่เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำงานซ้ำหรือผลิตภัณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ความสูญเปล่าภายในสภาพแวดล้อมของระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดีหมายถึงความสูญเปล่าทุกรูปแบบ โดยจะพยายามลดสิ่งที่ถูกเรียกว่า 'ความสูญเปล่า 7 ประการ'
1. การผลิตมากเกินไป
2. การรอคอย
3. การเคลื่อนย้าย
4. กระบวนการที่ไม่เหมาะสม
5. สินค้าคงคลังที่ไม่จำเป็น
6. การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น
7. ข้อบกพร่องหรือของเสีย
การวางแผนทรัพยากรในการผลิต (MRPII)
ถึงแม้ว่า MRP จะเกิดขึ้นก่อน MRPII แต่การศึกษา MRP ภายในบริบทของ MRPII จะง่ายกว่าการศึกษา MRP ก่อน MRPII
การวางแผนทรัพยากรการผลิต (Manufacturing Rasource Planning : MRPII ) จะเป็นตามชื่อของมัน กล่าวคือ เป็นมากกว่าการกำหนดตารางการผลิตทั่วไป ในขณะที่ ระบบการวางแผนความต้องการวัตถุดิบ (Material Requirment Planning : MRP ) ถูกผนวกเข้าไปใน MRPII ด้วยระบบที่กว้างขึ้นจะนำกิจกรรมอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย วัตถุประสงค์ก็คือ การประสานงานและควบคุมกิจกรรมต่างๆ ที่มีอยู่มากมายจากโรงงานผลิตให้สอดคล้องกัน หัวข้อที่อยู่นอกเหนือจากระบบ MRP แต่ถูกรวมเข้าไปในระบบ MRPII ด้วย มักจะมีดังนี้
🔼การจัดการการบำรุงรักษา
🔼การทำบัญชีต้นทุน
🔼การจัดการสินค้าคงคลัง
🔼คำสั่งซื้อ
🔼การจัดหา
🔼ระดับบุคลากร
MRPII ต้องใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลค่อนข้างมาก เพราะว่ามันรวมเอาเกือบทุกกิจกรรมภายในโรงงานการผลิตมาพิจารณา การนำระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนขนาดนี้มาใช้งานเป็นงานใหญ่และควรให้ความสำคัญ
การเติมเต็มคำสั่งซื้อแบบยืดหย่น
การเติมเต็มคำสั่งซื้อแบบยืดหยุ่น (Flexible Fulfilment ) เป็นวิธีการผลิตวิธีหนึ่งที่พยายามจะชะลอขั้นตอนการผลิตขั้นสุดท้ายของผลิตภัณฑ์ไปไว้ที่ช่วงสุดท้ายที่สุดในโซ่อุปทานเท่าที่จะทำได้ ระบบนี้มักถุกเรียกว่าเป็นการ 'เลื่อนเวลา' หรือฉลอการผลิต (Postponement )
ข้อได้เปรียบจากวิธีการนี้เกิดผลดีเป็ฯอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับบริษัทที่ค้าขายในระดับโลก
แนวคิดหลังแนวคิดหนึ่งในระบบนี้ คือ การกำจัดความสูญเปล่า (Muda หรือ 'มูดะ' ในภาษาญี่ปุ่น) ออกจากกระบวนการผลิต ในบริบทนี้ 'ความสูญเปล่า' (Waste) ไม่ใช่เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำงานซ้ำหรือผลิตภัณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ความสูญเปล่าภายในสภาพแวดล้อมของระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดีหมายถึงความสูญเปล่าทุกรูปแบบ โดยจะพยายามลดสิ่งที่ถูกเรียกว่า 'ความสูญเปล่า 7 ประการ'
1. การผลิตมากเกินไป
2. การรอคอย
3. การเคลื่อนย้าย
4. กระบวนการที่ไม่เหมาะสม
5. สินค้าคงคลังที่ไม่จำเป็น
6. การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น
7. ข้อบกพร่องหรือของเสีย
การวางแผนทรัพยากรในการผลิต (MRPII)
ถึงแม้ว่า MRP จะเกิดขึ้นก่อน MRPII แต่การศึกษา MRP ภายในบริบทของ MRPII จะง่ายกว่าการศึกษา MRP ก่อน MRPII
การวางแผนทรัพยากรการผลิต (Manufacturing Rasource Planning : MRPII ) จะเป็นตามชื่อของมัน กล่าวคือ เป็นมากกว่าการกำหนดตารางการผลิตทั่วไป ในขณะที่ ระบบการวางแผนความต้องการวัตถุดิบ (Material Requirment Planning : MRP ) ถูกผนวกเข้าไปใน MRPII ด้วยระบบที่กว้างขึ้นจะนำกิจกรรมอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย วัตถุประสงค์ก็คือ การประสานงานและควบคุมกิจกรรมต่างๆ ที่มีอยู่มากมายจากโรงงานผลิตให้สอดคล้องกัน หัวข้อที่อยู่นอกเหนือจากระบบ MRP แต่ถูกรวมเข้าไปในระบบ MRPII ด้วย มักจะมีดังนี้
🔼การจัดการการบำรุงรักษา
🔼การทำบัญชีต้นทุน
🔼การจัดการสินค้าคงคลัง
🔼คำสั่งซื้อ
🔼การจัดหา
🔼ระดับบุคลากร
MRPII ต้องใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลค่อนข้างมาก เพราะว่ามันรวมเอาเกือบทุกกิจกรรมภายในโรงงานการผลิตมาพิจารณา การนำระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนขนาดนี้มาใช้งานเป็นงานใหญ่และควรให้ความสำคัญ
การเติมเต็มคำสั่งซื้อแบบยืดหย่น
การเติมเต็มคำสั่งซื้อแบบยืดหยุ่น (Flexible Fulfilment ) เป็นวิธีการผลิตวิธีหนึ่งที่พยายามจะชะลอขั้นตอนการผลิตขั้นสุดท้ายของผลิตภัณฑ์ไปไว้ที่ช่วงสุดท้ายที่สุดในโซ่อุปทานเท่าที่จะทำได้ ระบบนี้มักถุกเรียกว่าเป็นการ 'เลื่อนเวลา' หรือฉลอการผลิต (Postponement )
ข้อได้เปรียบจากวิธีการนี้เกิดผลดีเป็ฯอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับบริษัทที่ค้าขายในระดับโลก
ที่มาของแหล่งข้อมูล
หนังสือ คู่มือการจักการลอจิสติกส์และการกระจายสินค้า
เขียนโดย : Alan Rushton , Phil Croucher and Peter Baker
แปลโดย : ดร.วิทยา สุหฤดำรง ดร. วิชัย รุ่งเรืองอนันต์ และ ดร.บุญทรัพย์ พานิชการ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น